About

วันพุธที่ 22 ตุลาคม พ.ศ. 2557

ศึกชิงเจ้าสำนัก

มองไม่เห็นว่าเป็นอันใด เรียกว่า ไร้รูปไม่ได้ยินว่าเป็นเสียงอันใด เรียกว่า ไร้เสียงสัมผัสไม่ถูก เรียกว่า ไร้ตัวตนสามประการดังกล่าว คือ ความพิสดารแห่งเต๋า ตามหลักการนี้ แม้นกล่าวแยกกันได้ แต่เนื้อแท้เต๋านั้นเป็นหนึ่งเดียว
ส่วนโลกแห่งรูปธรรมนั้นต่างกัน ด้านหนึ่งสว่างอีกด้านหนึ่งก็มืด เช่น ด้านบนสว่าง ด้านล่างมืด
เต๋าแทรกซ่านอยู่ทั่วฟ้าดิน ในจักรวาลก็ดูเหมือนจะมี แต่ยากจะยืนยัน เพราะมันเป็นสิ่งละเอียดมาก แม้นเต๋าจะให้กำเนิดสรรพสิ่ง แต่ก็ดูไม่ออกว่ามันให้กำเนิด นี้ก็คือ รูปที่ไร้รูป ตัวตนที่ไร้ตัวตน

ฉะนั้นบางคนจึงว่า เต๋าเป็นเพียงราง ๆ ไม่แน่นอนจะว่ามีก็ดูคล้ายไม่มี ไฉนเป็นดังนี้เล่า? เพราะถ้าท่านใคร่จะอยู่ข้างหน้าต้อนรับมัน ก็มองไม่เห็นข้างหน้าของมัน ถ้าท่านใคร่จะอยู่ข้างหลังตามหลังมัน ท่านก็มองไม่เห็นหลังของมัน

ฉะนั้น ปราชญ์จึงยึดหลักการของเต๋าที่มีแต่โบราณมาบริหารจัดการทุกสิ่งอย่าง ข้าพเจ้าคิดว่า ผู้ที่รู้จักเต๋า ก็คือคนที่รู้ระบบของเต๋าอย่างดี เพราะระบบของเต๋า ก็คือแก่นแท้ของเต๋า

นั่งสมาธิ มือซ้ายลูบอก มือขวาวางอยู่ข้างหลัง กำหนดลมหายใจ รวบรวมอารมณ์ ทั้งหลายให้สงบนิ่ง เดินลมปราณกำลังภายในที่ได้เคล็ดลับจากคัมภีร์เต๋าเต็กเก็งฉบับสมบูรณ์  ธาตุอิมและเอี๋ยงในกาย หล่อหลอมกลมกลืนกันอย่างสมบูรณ์  กำลังภายในกลับเพิ่มพูนทวีคูณ แขนขาทุกสัดส่วนปรอดโปร่งสบายอย่างบอกไม่ถูก  พละกำลังทั่วร่าง สมบูรณ์เปี่ยมล้น สมองปราดเปรียวกว่าเดิมมากนัก  โสตประสาท กลับได้ยินเสียงของสิ่งรอบกาย ดุจดังสิ่งของ มีชีวิตชีวา  ที่แท้ในคัมภีร์เต๋าเต็กเก็ง กลับแบ่งออกเป็น สองภาค ภาคแรก คือ เต็ก ภาคสอง คือ เต๋า ภาคเต็กว่าด้วยคุณธรรมในการปกครอง ภาคเต๋า กลับเป็น อภิปรัชญา ซ่อนปริศนา เคล็ดวิชากำลังภายใน  

คัมภีร์เต๋าเต็กเก็งฉบับสมบูรณ์นี้ จางเหลียง ได้มาจาก ถ้ำน้ำตกนอกเมือง ตามบันทึกบ่งชี้ของผู้เฒ่าเหลือง ภายหลังจาก
เหตุการณ์ที่หานซิ่น ลอด ใต้หว่างขาเหล่าอันธพาล  หลังจากนั้น กลับมาโรงเตี้ยม  ก่อนนอนได้ เดินกำลังภายใน หลายรอบๆ ก่อนจะนอนหลับไป เช้านี้ จางเหลียงวางแผนจักกลับไปที่บ้านที่เซี่ยพี การมาไหวอิง ครั้งนี้ นอกจากได้ คัมภีร์เต๋าเต็กเก็งฉบับสมบูรณ์  แล้วกลับพบกับ เหตุการณ์ ที่ทำให้ สะดุ้งตกใจ จางเหลียงคำนึง ขึ้น ว่า


บุคคลผู้นี้ แม้ว่าฝึกกำลังภายในชั้นสูง วิชาอาวุธ การใช้กระบี่น่าจะสูงส่ง เช่นกัน กลับอ่อนข้ออดทนอดกลั้นให้กลับเหล่าอันธพาล คราวหน้าถ้าได้พบเจอ เราจักต้องระมัดระวังบุคคลนี้ ให้ดี


ในขณะที่เก็บเสื้อผ้า ข้าวของ เตรียมกลับ เซี่ยพี กลับได้ยิน เสียงพูดคุยกัน ของชาวยุทธ  จางเหลียงไม่คิดจะสนใจ หาความยุ่งยากให้กับตนเอง ในขณะจะออกจากห้อง กลับได้ยินเสียงกล่าวถึง  เม่อซุน และ เม่อซิวซิว






******หมายเหตุ ในยุคสงครามนี้ ลูกผู้ชาย ฆ่าได้หยามไม่ได้  การหยามเกียรติ ด้วยการให้ลอดหว่างขา เป็นการหยามเกียรติ ขั้นร้ายแรงที่สุดของผู้ชายยุคนั้น

วันพุธที่ 8 ตุลาคม พ.ศ. 2557

ขอทานแห่งไหวอิง_2

แม้ว่าเมื่อ ฉินซีอ๋องฮ่องเต้  จะทำการรวบรวมแผ่นดินให้เป็น หนึ่งเดียว ด้วยการปกครองที่โหดเหี้ยมทารุณ กลับไม่เป็นที่ยอมรับของปวงชน ปวงชน ยังเรียกตนเองว่า ชาวฉิน ชาวจ้าว ชาวหาน  ชาวเว่ย ชาวฉี ชาวเอี๋ยน และ ชาวฉู่ ความไม่พึงพอใจยิ่งกดทับจิตใจปวงชน

การทำมาหากินยิ่งฝืดเคือง เมืองไหวอิง เป็นเมืองเล็กๆในแคว้นฉู่เดิม เอี๋ยนทง  กลับเป็นหัวหน้าอันธพาลประจำเมือง มีลูกสมุน ถึงสิบกว่าคน  คอย รีดไถชาวบ้าน อีกทางหนึ่งกลับกล่าวว่า เพื่อคุ้มครองความปลอดภัยของชาวบ้าน

วันนี้  เอี๋ยนทง  พร้อมลูกสมุนสิบกว่าคน เดินเข้ากลางเมือง เพื่อเก็บค่าคุ้มครองชาวเมือง

เนื่อง จาก ฉินซีอ๋องฮ่องเต้  ทำการเผาตำรา ฝังบัณฑิต และ ไม่อนุญาต ให้ปวงชน มีโลหะที่สามารถจัดทำอาวุธ ได้ สำนักบู๊ และ สำนักพรต ต่างๆ ต้องปิดลง กลุ่มอันธพาลเหล่านี้ จึงใช้วิชาหมัดมวยเป็นหลัก ในการต่อสู้


จางเหลียง บนห้องพักโรงเตี้ยม กลับแอบชโงกหน้าดูผู้คน ที่เดินทางตามท้องถนน มองเห็น กลุ่มอันธพาล  สิบกว่าคน เดินตาม เอี๋ยนทง มาจากต้นถนน กำลัง จะผ่าน หน้าโรงเตี้ยม  เอี๋ยนทง และ เหล่าสมุน กลับหยุดยืนอยู่หน้า โรงเตี๋ยม

ลูกสมุนที่อยู่ขวามือ กล่าวขึ้นว่า

                               "เอี๋ยนเหลาต้า ดูซิ ใครกำลังมา "

เอี๋ยนเหลาต้า เพ่งตามองไปเบื้องหน้า กลับเห็นชายผู้หนึ่งกำลังเดิมมา ยังโรงเตี้ยม ชายผู้นั้นกลับเป็นหานซิ่น ที่จางเหลียงเคยพบเห็น ที่ริมธาร นอกเมือง วันวาน  แต่วันนี้หานซิ่น แม้จะแต่งตัวมอมแม่ม ดุจดังขอทาน กลับ สะพายกระบี่ ไว้บนบ่า พร้อมกับสะพายห่อผ้า  เดินอาดๆ มายังหน้า โรงเตี้ยม ดูคล้ายจะเดินทางไกล แต่ต้องผ่านหน้าโรงเตี้ยมนี้

เอี๋ยนเหลาต้า กล่าวว่า " พวกเรารอมันอยู่ที่นี้ "

หานซิ่น เมื่อเดินทางมาถึงหน้าโรงเตี้ยม กลับถูกสกัดกั้นด้วย เอี๋ยนเหลาต้า และสมุน

สมุนทั้งสิบกว่าคน ทำการโอบล้อมหานซิ่นเอาไว้ ได้ยิน เอี๋ยนเหลาต้า กล่าวว่า " หานซิ่น เจ้ากล้า บังอาจนัก กลับกล้าสะพายกระบี่ ชักกระบี่ออกมา "


หานซิ่น กลับยืนนิ่งอยู่กับที่


ได้ยินเสียง สมุนที่ยืนอยู่ด้านซ้ายมือของหานซิน กล่าวว่า "ถ้าเป็นลูกผู้ชาย รีบชักกระบี่ออกมา ดูซิเจ้าเป็น ยอดฝีมือระดับไหน "

เหล่าอันธพาลทั้งหลาย กลับเปล่งเสียงหัวร่อออกมาพร้อมกัน อย่างครื้นเคร้ง

ได้ยินเสียง สมุนที่ยืนอยู่ด้านขวามือของหานซินกล่าวว่า "หานซิ่น เจ้าช่างทำเสื่อมเสียเกียริติลูกผู้ชาย จริงๆ  เมียตนเองถูกผู้อื่นแย่งชิงไป กลับมีหน้า มายืนอยู่ได้ เจ้าคงจะขายเมียกินซินะ่ "

เหล่าอันธพาลทั้งหลาย กลับเปล่งเสียงหัวร่อออกมาพร้อมกัน อย่างครื้นเคร้ง อีกครั้งหนึ่ง

หน้าของหานซิ่น กระตุกวูบขึ้นครั้งหนึ่ง มือขวาเลื่อนจับด้ามกระบี่ แต่แล้ว หานซิ่นกลับปล่อยมือ พร้อม ประสานมือคารวะต่อ เอี๋ยนเหลาต้า พร้อมกล่าวว่า

"ข้าน้อยหานซิ่น ขอผ่านทาง ข้าน้อยจักไปจากเมืองนี้ "


เอี๋ยนเหลาต้า กล่าวว่า " ข้าจะปล่อยเจ้าไปก็ได้ แต่เจ้าต้องลอดหว่างขาข้าก่อน "

หานซิ่น มีสีหน้าลังเล

เสียงสมุนอันธพาลรอบข้างเปล่งเสียงว่า

" ก้มลง ทรุดตัวลง ลอดหว่างขา ลอดหว่างขา....ๆ "

หานซิ่นกลับทรุดตัวลง ค่อยๆลอดหว่างขา เอี๋ยนเหลาต้า ลูกสมุนอีกสิบกว่าคน กลับวิ่งไปต่อแถว เอี๋ยนเหลาต้า  หานซิ่น จึงลอดหว่างขา อันธพาลทั้งหมด  แล้ว รีบรุดออกจากเมืองไป



อ่านต่อ ศึกชิงเจ้าสำนัก









วันเสาร์ที่ 4 ตุลาคม พ.ศ. 2557

ขอทานแห่งไหวอิง

สายน้ำไหลอย่างอ่อยอิ่ง ลมพัด เอื่อยๆ ขับขี่ม้าตามทางเดิน ริมลำน้ำ ที่ไกลตา ปรากฏ เมือง ไหวอิงอยู่เบื้องหน้า ตะวันบ่ายคล้อย ท้องเริ่มหิว ม้าที่ขี่คงต้องการน้ำ และหญ้า มองไปเบื้องหน้า เห็นหาดทรายริมน้ำ ชายฝั่งริมน้ำปรากฏหญ้าเขียวขจี เห็นสายน้ำ อดคิดถึงผู้เฒ่าเหลืองไม่ได้ กลับยิ้มกับตนเองไม่ได้ พลางกระตุ้นม้าไปยังริมน้ำ กระโดดลงจากหลังม้า ปล่อยม้าให้ดูดน้ำ


 จางเหลียงกวักน้ำล้างหน้าตา เมื่อล้างหน้าล้างตาเสร็จ กวาดสายตาไปตามชายหาด ทางปลายน้ำ หญิงชาวบ้าน สี่ห้าคน กำลังซักเส้อผ้าอยู่ กวาดตาไปริมชายฝั่ง เห็น ต้นไม้ใหญ่ สองสามต้นอยู่ห่างกัน แต่ละต้น ประมาณ ห้าหกวา ที่ให้ร่มไม้ร่มรื่น  จางเหลียงจึงหมายตา  ต้นไม้ใหญ่ต้นแรกเป็นร่มเงา พักผ่อน รับประทานเสบียงกรัง


ขณะนั่งลง จะล้วงสเบียงกรังออกมารับประทาน กลับได้ยินเสียง หญิงชาวบ้านวัยกลางคน กล่าวว่า



"หานซิ่นเอย หานซิ่น เจ้าก็โตเป็นหนุ่มแล้ว เหตุใดเจ้า นั่งงอมืงอเท้า ไม่ทำมาหากิน กลับมาขอข้าว ขออาหาร หญิง รับจ้างซักผ้า อย่างข้ากิน " 

จางเหลียงได้ยินแซ่ ว่า หาน กลับ ชงัก พักหนึ่ง ตั้งใจฟัง  และกวาดตาไปยังต้นเสียงนั้น กลับพบเห็นว่า ในระยะห่างออกไป ใต้ต้นไม้ที่สามนั้น ใต้ต้นไม้ กลับ มีชายหนุ่มผู้หนึ่ง นั่งอยู่ใต้ต้นไม้ เสื้อผ้า ขาดรุ่งริ่ง ดุจดังขอทาน จางเหลียงครุ่นคิดขึ้นว่า

"หรือคนผู้นี้ เป็นคนแคว้นหานเดิม กลับมาตกระกำลำบากที่นี้ "

พร้อมกับเห็นหญิงกลางคนนั้น ส่งห่อ อาหารให้กับ ชายหนุ่มขอทานนั้น 

จางเหลียงรู้สึกสงสาร เตรียมจะแบ่งอาหารของตนที่มี ให้กับ ชายหนุ่ม ขอทานผู้นี้

กลับได้ยินชายหนุ่มขอทาน นั้น กล่าวตอบว่า 


"ท่านอา  หากวันใดข้าประสบ ความรุ่งเรือง จะตอบแทน ท่านอา เป็น คนแรก"

หญิงชาวบ้านวัยกลางคน กล่าวตอบว่า

" ใคร จะไปสนใจหละ ขอให้เจ้า มีกิน ใน วันนี้ พรุ่งนี้ ก่อนเถอะ"


แต่ จางเหลียง ได้ยินน้ำเสียง ของ ชายหนุ่มขอทาน นั้น กลับ

ตื่นตระหนกยิ่ง

น้ำเสียงของชายหนุ่มขอทาน นั้น กังวาน ทุ้มนุ่มลึกหนักแน่น  เป็น เสียง ของผู้ฝึกกำลังภายในชั้นสูง


จางเหลียงรู้ดังนั้น จึง ไม่คิดจะยุ่งเกี่ยว รีบรับประทานอาหาร จึงรีบจากไปอย่างเงียบๆ



จางเหลียงรีบรุดเข้าตัวเมืองไหวอิง สืบเสาะหาโรงเตี้ยม พักผ่อน




อ่านต่อ ขอทานแห่งไหวอิง_2






Wikipedia

ผลการค้นหา