About

วันอังคารที่ 26 สิงหาคม พ.ศ. 2557

มือลอบสังหาร5_4

จางเหลียง ครุ่นคิดขึ้น

"วิเศษแท้ เมื่อภูมิประเทศเป็นเช่นนี้ ทหารหลายร้อยนายนั้น ไม่สามารถฮือเข้ามาพร้อมกัน ในคราเดียว ขอเพียงบุกมาทีละคน เรากับพี่แซ่อู่ นี้สามารถรับมือได้"


แต่เสียงร้องตามหลัง ยิ่งใกล้เข้ามา แสดงว่า ผู้ไล่ติดตามนั้น เป็นยอดฝีมือ เชิงวิชาตัวเบา  ทั้งสองวิ่งถึงมุมโค้งแห่งหนึ่ง  อู่ซันเกิงกล่าวว่า

 "อย่าได้ส่งเสียง "

คนทั้งสองยืนแนบชิดติดกับผนังศิลา เพียงชั่วขณะ ได้ยินเสียงฝีเท้าดังขึ้น ผู้คนสองคน วิ่งติดตามมาในหมอกหนาทึบ คนทั้งสองไม่เห็น อู่ซันเกิง 
และจางเหลียง เมื่อวิ่งถึงข้างกายคนทั้งสอง ค่อยพบเห็น จางเหลียง และ อู่ซันเกิง ฟาดพลังฝ่ามือ ออกไปพร้อมกัน สองคนนั้น ปลิวละลิ่วลงเหวลึก ทันที 

ทั้งสองรีบวิ่งต่อไปทันที ทั้งคู่ยิ่งวิ่งยิ่งรวดเร็ว เสียงฝีเท้าติดตามมาหลายคนดังขึ้น 

ได้ยินเสียงหวืด อาวุธชนิดหนึ่งถูกซัดฝ่าอากาศมาอย่างเร่งร้อน  ที่แท้เป็นหอกซัด

ได้ยินอู่ซันเกิงร้อง "โอย"   และ ล้มตัวลง  จางเหลียงใจหายวาบ กระโดดปราดไปต้านอยู่เบื้องหน้า อู่ซันเกิง  ถามว่า 

"พี่อู่ท่านได้รับบาดเจ็บหรือ"

อู่ซันเกิงกล่าวว่า

"เรา...เราไม่รอดแล้ว เจ้า ...เจ้ารีบหนีไป ...."

จางเหลียงร้องดังๆว่า




อ่านต่อ













วันจันทร์ที่ 25 สิงหาคม พ.ศ. 2557

มือลอบสังหาร5_3

วิ่งมาระยะทางหนึ่ง ได้ยินเสียงจางเหลียง กล่าวว่า ม้า และ เสบียง อยู่ทิศ ตะวันตก 

อู่ซันเกิง ตีวงอ้อมไปยังทิศทาง ที่จางเหลียงบอก เมื่อได้ม้า และเสบียง  จึงจับจางเหลียงไว้บนอานม้า ด้านตนเองนั่งด้านหลัง ควบม้า มุ่งหน้าไปยังทิศตะวันออก สักพัก ลดเลี้ยว เข้าทางภูเขาสายหนึ่ง ยิ่งมายิ่งสูงชัน สุดท้าย ม้าเดินทางต่อไม่ได้ 

อู่ซันเกิง กล่าวว่า " เจ้าหิวหรือไม่ "

จางเหลียงกล่าวว่า "หิว " หลังจากนั้น ทั้งสองนำเสบียงออกมาดื่มกิน

หลังจากนั้น ทั้งสองค่อยๆเดินขึ้นภูเขาไป และ เมื่อ เหนื่อยก็นั่งพัก  ได้ยิน อู่ซันเกิงกล่าวว่า 

"น้องเรา เจ้านี้ประหลาดนัก ฝีมือเชิงอาวุธ แม้ธรรมดา  แต่พลังภายในกลับไม่ธรรมดา  แม้ถูกพลังฝ่ามือ ร้อนเย็นฟาดใส่ กลับปลอดภัยไร้เรื่องราว กลับเป็นเรื่องยินดีนัก "

ขณะที่จางเหลียงจะกล่าวตอบ ปรากฏ เสียงที่ห่างไกล ตวาดเสียงดังว่า

"อู่ซันเกิง เจ้าหนีไม่รอดหรอก ยังคงสวามิภักดิ์แต่โดยดี "

อู่ซันเกิง รีบกล่าวกับจางเหลียงว่า   "รีบไปน้องเรา"  พลางทุ่มท่าร่างไปข้างหน้า อย่างรวดเร็ว จางเหลียง รีบพุ่งท่าร่างติดตาม  หลังจากทั้งสองคนได้ พักเหนื่อย ฟื้นฟูกำลังแล้ว กลับทุ่มท่าร่างไปอย่างรวดเร็ว ดุจดังเหาะเหินอยู่ในสวรรค์ชั้นฟ้า ที่แท้ทั้งสองคนได้วิ่งเข้าสู่กลุ่มหมอกอันหนาทึบ บนยอดเขา ทิศทางที่พุ่งผ่าน เป็นทางเดินป่าเล็กๆ เดินได้คนเดียวข้างหนึ่งเป็นผนังภูเขา ข้างหนึ่งเป็นหุบเหว ภูมิประเทศเหมาะแก่การซุ่มโจมตีอย่างยิ่ง





อ่านต่อ

วันศุกร์ที่ 22 สิงหาคม พ.ศ. 2557

มือลอบสังหาร_5_2

จางเหลียงพลันรู้สึกตึงวูบ ที่หว่างเอว โซ่เหล็กเส้นหนึ่ง พุ่งวาบมา ม้วนร่างของเขาไว้  ร่างถูกฉุดโลดทะยานไป ราวเหาะเหิน เดินเวหามิปาน

ผู้ที่ช่วยชีวิตจางเหลียง ย่อมเป็นอู่ซันเกิง  เขาถูกกลุ้มรุมจากทหารทั้งกองทัพ ยามคับขันกลับปรากฏชายหนุ่มผู้ไม่กลัวฟ้าไม่กลัวดิน ผู้หนึ่ง สอดมือเข้าช่วยเหลือ  ย่อมยึดถือเป็นผู้รู้ใจ


อู่ซันเกิง เห็นฝีมือจางเหลียง ขับไล่ศัตรู ก็ทราบว่า  ชายหนุ่มผู้นี้ มีกำลังภายในดี แม้ว่าจะไม่ถึงยอดเยี่ยมสูงล้ำ แต่วิชากระบี่ กลับธรรมดายิ่ง ทางหนึ่งต่อสู้ศัตรู ทางหนึ่งจับตา สภาพการต่อสู้ของจางเหลียง

เห็นจางเหลียงถูกกระแทกกระเด็น ก็ซัดพุ่งโซ่เหล็กม้วนร่างมันเอาไว้  วิ่งตะบึง จากไป

อู่ซันเกิงพอทุ่มเทวิชาตัวเบา กลับโลดแล่น คล้ายม้าป่าโลดตะบึง ชั่วพริบตาล่วงหน้า ไปหลายสิบวา ปรากฏพลทหารหลายสิบคน ติดตามมา พร้อมโห่ร้องว่า


"อู่ซันเกิงหลบหนีแล้ว อู่ซันเกิงหลบหนีแล้ว"

อู่ซันเกิงเดือดดาลเป็นกาลใหญ่  พลันหมุนตัวกลับ โถมไปเบื้องหน้าหลายก้าว ผู้คนที่ไล่ตามมาใจหายวาบ  รีบหยุดยั้งเท้า พลทหารคนหนึ่ง วิ่งมาเร่งร้อนเกินไป ต้องถลาไปเบื้องหน้าอย่างเสียหลัก 


อู่ซันเกิงตวัดเท้าซ้าย เตะมันลอยลิ่วเข้าไปในกลุ่มคน  หมุนตัววิ่งตะบึง สืบต่อ ทุกผู้คนก็วิ่งตามมาอีก แต่ไม่ว่าผู้ใดก็ไม่กล้า ติดตามอย่างสุดกำลัง  ระยะทางยิ่งห่างออกไป 

อู่ซันเกิง ทุ่มเทฝีเท้าวิ่งตะบึง ในใจครุ่นคิดขึ้น  

"ชายหนุ่มผู้นี้ กับเราไม่รู้จักกัน กลับยอมขายชีวิตให้กับเรา สหายเช่นนี้ จะเสาะหาจากที่ใด เดียรัจฉานเหล่านี้ ติดตามไม่เลิกรา จะสลัดหลุดพวกมันได้อย่างไร"

อ่านต่อ

มือลอบสังหาร_5_1

มือร้อนเย็นคิดไม่ถึงว่า จางเหลียง จะมีชีวิตรอด จากพลังฝ่ามือของมัน จากนั้นเห็นประกายกระบี่เป็นจุด แต้มๆ จี้ใส่กลางฝ่ามือมัน ยามตระหนกรีบไขว้สลับสองมือ หนึ่งฟาดใส่ใบหน้าจางเหลียง หนึ่งฟาดใส่ท้องน้อย  พลังฝ่ามือพอพุ่งแผ่ออก

รู้สึกปวดแปลบอย่างรุนแรง  เห็นฝ่ามือตนเองร้อยติดกับกระบี่ ไม่ทราบว่าเป็นจางเหลียง แทงกระบี่ถูกสองมือมัน หรือว่าเป็นมันผลักฝ่ามือเข้าหาปลายกระบี่ เอง 

พลันได้ยินเสียงโครมครามเลื่อนลั่น  จากเหลียงเหลียวหน้ามอง เห็น พล ทหาร แปดเก้าคน กลุ้มรุม จู่โจม อู่ซันเกิง  มีอยู่ สองคน ฟาดฟันดาบเข้าใส่เสาเก๋งที่พัก ทำให้เก๋งที่พักหักโค่นลง ไม้ระแนงและแผ่นกระเบื้องมุ่งหลังคาเก๋งร่วงพรั่งพรูลงมา

เพิ่งเหลียวมองแวบหนึ่ง มือร้อนเย็นพลันสะอึกเข้ามา ฟาดฝ่ามือออกแต่ไกล พลังฝ่ามือฟาดถูกทรวงอกจางเหลียง  จางเหลียงถึงกับปลิวละลิ่วไป  กระบี่หลุดลอยจากมือ กลางหลังยังไม่แตะพื้น ปรากฏพลทหารเจ็ดแปดคน ไล่ติดตาม ฟาดอาวุธใส่อย่างพร้อมเพียง

อ่านต่อ

วันพุธที่ 20 สิงหาคม พ.ศ. 2557

มือลอบสังหาร_6


เมืองนี้เป็นเมืองใหญ่ชายแดนเหนือ ผู้คนพลุกพล่านไม่เบา โรงเตี้ยมประจำเมือง ตั้งอยู่ใจกลางเมืองนับว่าเหมาะสมยิ่ง  วันนี้ จางเหลียง กับสหายอู่ซันเกิงกลับปรากฏตัวอยู่ในที่นี้ ในขณะที่ รับประทานอาหารอย่างเงียบๆ กัน กลับ ได้ยิน ขี้เมาโต๊ะ ข้างๆ พูดคุยกับ เพื่อนๆร่วมโต๊ะว่า

"นับตั้งแต่ ห้ารอยปีก่อน เป็นต้นมา บ้านเมืองเรา มีแต่ความสงบสุข " ขี้เมาคนที่หนึ่ง กล่าวด้วยเสียงเมาอ้อแอ้


" แล้ว ตอนนี้บ้านเมือง เป็นอย่างไร "  ขี้เมาคนที่สองถามด้วยเสียงอ้อแอ้เช่นกัน 

"ทางการเขาห้ามวิจารณ์การเมือง " ขี้เมาคนที่หนึ่ง กล่าวด้วยเสียงเมาอ้อแอ้

" เราพูดกันในวงเหล้าแล้วใครจะรู้  "  ขี้เมาคนที่สองกล่าวด้วยเสียงอ้อแอ้เช่นกัน 

หลังจากนั้น ไม่ได้ยินคำกล่าวใดๆขึ้นมา 


จางเหลียงได้ตะแคงหูฟัง ตั้งแต่ขี้เมาสองคนคุยกันตั้งแต่เริมต้น แล้ว อดหงุดหงิดใจทนไม่ได จึงลุก ขึ้นมาแล้วเดินเข้าไปหา แล้วกล่าวว่าเสียงกังวานว่า

"บ้านเมืองเดือดร้อนทุกวันนี้เพราะฮ่องเต่ไม่ครองธรรม  ชาวบ้านเดือดร้อน หากินยากลำบาก ฮ่องเต้ให้สร้างกำแพง ถมทะเล ถมช่องเขา ถมช่องเขา สร้างตำหนักบนเขา เก็บตำราต่างๆมาเผา เอาปัญญาชนต่างๆไปฝั่งทั้งเป็น  ชาวบ้านหนีตายเข้าป่าไปมาก "



ขี้เมาทั้งสองได้ยินดังนั้น จึงตกใจกลัว รีบลนลาน ลงจากโรงเตี้ยม เสียง เสี่ยวเอ้อ ตะโกนบอกให้จ่ายเงินก่อน


จางเหลียงกลับบ่นพึมพัมว่า


"ไอ้พวกโง่ เอาแต่กลัว เมื่อไหร่จะได้แก้แค้น"

การกระทำของจางเหลียงนี้กลับตกอยู่ในสายตาของคนผู้หนึ่ง


อ่านต่อ

วันจันทร์ที่ 18 สิงหาคม พ.ศ. 2557

มือลอบสังหาร_5

"ดาบของเจ้าเล่า?"
"เราใช้กระบี่ น่าเสียดาย เราไม่มีกระบี่"
อู่ซันเกิงกล่าวว่า 
"เจ้าผู้นี้ประหลาดพิศดารนัก ตกลงเราจะหากระบี่ให้เจ้าเล่มหนึ่ง"

เห็นมือ ขยับวูบหนึ่ง กระบี่พร้อมฝักที่วางอยู่ตรงหน้า ลอยเข้าหา จางเหลียง จางเหลียงยื่นมือวูบ จับกระบี่ และชักกระบี่ออกจากฝัก แล้วกล่าวคำว่า

"กระบี่ที่ดียิ่ง "

ทันใดนั้น เห็นเงาขาวถลันวูบโถมเข้า นายทหารนั้น พริบตาประกายดาบวูบวาบแวบวับ อาวุธสิบกว่าเล่มฟาดฟันเข้าใส่โดยพร้อมเพียง จางเหลียงเห็นดังนั้น เกร็งลมปราณวิสุธิมรรค ไหลลงเท้า และ แขนขา ส่งกำลังไปยังกระบี่ ท่าเท้าอันลี้ลับกลับโถมเข้าหานายทหารนั้นเช่นกัน นายทหารนั้น ไม่คาดคิดว่า สองคนจะลงมือพร้อมกัน เมื่อเห็นจางเหลียงโถมเข้ามา รีบพุ่งถอยหลัง แทรกอยู่ใน กลุ่มพลทหาร สี่ห้าคน เสียงดาบกระบี่ปะทะกันดังก้งวาน พลทหาร ห้าหกคนล้มลง  นายทหารนั้น กลับ ผลักกระแทกสองมือออก แผ่พุ่งพลังเกรี้ยวกราดรุนแรงใส่

จางเหลียงลอบร้องคำว่า "ผิดท่า" ขณะจะถลันหลบรู้สึกมีพลังเย็นสายหนึ่ง คุกคามถึงตัว ต้องสยิวกายด้วยความหนาวเหน็บ


ฝ่ามือทั้งสองข้างของนายทหารนั้นใช้พลังผิดแผกแตกต่างกัน แบ่งเป็นหนึ่งร้อนหนึ่งเย็น ฝ่ามือร้อนใช้ออกก่อน ฝ่ามือเย็นกลับถึงตัวก่อน จางเหลียง เพิ่งงงงันวูบ ปรากฏคลื่นความร้อนสายหนึ่ง กระโชกมาถึง  ต้องส่ายร่างโงนเงนคราหนึ่ง

พลังฝ่ามือร้อนเย็นจู่โจมถึงตัว ตามเหตุผลไม่มีทางรอด แต่จางเหลียง มีลมปราณวิสุทธิมรรคเปี่ยมล้น แม้ว่ายังไม่สำเร็จถึงขั้นสูงสุด เพียงฝึกสำเร็จในระดับสี่เท่านั้น แต่ ลมปราณวิสุทธิมรรค เป็นลมปราณที่คุ้มครองร่างกยได้อย่างดียิ่ง เมื่อพลังร้อนเย็นมาถึงตัว ลมปราณวิสุทธิมรรค บังเกิดปฏิกิริยาต่อต้าน คุ้มครองชีพจรหัวใจ โดยไม่ได้รับอันตรายถึงแก่ชีวิต มาตรแม้นเป็นเช่นนั้น จางเหลียงยังคงได้รับ ความสะท้านสะเทือน 

นายทหารมือร้อนเย็น นั้น ฟาดพลังฝ่ามือมาอีก  จางเหลียงถือกระบี่ โถมแทงออกไป 



อ่านต่อ

วันอาทิตย์ที่ 17 สิงหาคม พ.ศ. 2557

มือลอบสังหาร_4

"เด็กน้อยหลีกไป อย่าได้ทิ้งชีวิตเอาไว้ที่นี้  พวกเราได้รับคำสั่งท่านแม่ทัพ ให้คร่ากุมคนทรยศ  อู่ซันเกิง ผู้อื่นหากคิดก่อกวนขัดขวางจะให้มันตายอย่างอเนจอนาถ"

ชายหนุ่มกวาดตาไปยังต้นเสียง  เห็นคนกล่าววาจา เป็นคนผอมสูง ใส่ชุดยศ นายทหาร ข้างกายยืนไว้ด้วยพลทหารราบ หนึ่งร้อยถึงสองร้อยคน 

ชายหนุ่ม รินสุราอีกถ้วยหนึ่งดื่มลงไป ค่อยกล่าวกับชายฉกรรจ์ชุดขาวว่า

"ท่านพี่แซ่อู่ เราดื่มสุราของท่านสามถ้วย ต้องขอบคุณท่านมากแล้ว"

นายทหารร้องว่า

"ผู้แซ่อู่ เรื่องถึงขั้นนี้แล้ว รีบตามพวกเราไปหาท่านแม่ทัพเถอะ ยอมรับการจัดการจากท่านผู้แม่ทัพ ไม่แน่นักว่าจะไม่มีหนทางรอด ท่านเป็นถึงรองแม่ทัพฉินเรา หรือจะต้องต่อสู้ให้เลือดสาดกระเด็น ปล่อยให้ผู้อื่นหัวเราะเยาะ?"

อู่ซันเกิง แค่นเสียงดังเฮอะ ยกถ้วยดื่มสุราคำหนึ่ง กลับบังเกิดเสียง เคร้งคร้างดังขึ้น  ชายหนุ่มเห็น สองมือคนผู้นี้ล่ามโซ่เหล็ก เส้นหนึ่ง สร้างความตื่นเต้นสงสัยยิ่ง ครุ่นคิดขึ้น


"ที่แท้เขาแหกคุกหลบหนีออกมา กระทั่งเครื่องพันธนาการ บนมือยังไม่ต้องทำลายทิ้ง "

พริบตาบังเกิดความเห็นอกเห็นใจเขา หวนนึกถึงคนผู้นี้ สูญเสียความสามารถในการต่อสู้ขัดขืน ตนเอง จะช่วยต้านทานรับมือสักครา ยอมจบชีวิตในที่นี้ ดังนั้น ผุดลุกขึ้น กล่าวเสียงกังวานว่า 

"ท่านพี่แซ่อู่ ถูกล่ามโซ่ไหนเลย ลงมือกับพวกท่านได้ เราดื่มสุราของท่านพี่สามถ้วย ได้แต่ช่วยท่านพี่ต้านทานศัตรูเข้มแข็ง  ผู้ใด คิดแตะต้องผู้แซ่อู่ ต้องฆ่าจางเหลียงก่อน"

ที่แท้ชายหนุ่มผู้นี้ คือ จางเหลียง  นั้นเอง  ที่เคียดแค้น ฮ่องเต้ยิ่งนัก ที่ล้มแคว้นหาน และ สังหารบิดาตน

อู่ซันเกิง เห็น จางเหลียง คลุ้มๆ คลั่งๆ  เสนอหน้าโดยไร้เหตุผล  สร้างความสงสัยยิ่ง กล่าวเบาๆว่า 

"น้องชาย เจ้าไฉนคิดช่วยเรา ?"

"รวบรัดยิ่ง พบเห็นเรื่องอยุติธรรม ชักดาบเข้าช่วยเหลือ"



มือลอบสังหาร_3

"ท่านพี่ เชิญเถอะ ท่านดื่มคนเดียวไร้เคียงคู่ ออกจะเงียบเหงาไป เราดื่ม สุรา เป็นเพือนท่าน"

พลางเดินเข้าเก๋งพักร้อน ประสานมือต่อเขา ค่อยทรุดกายนั่งลง

ชายฉกรรจ์ชุดขาว เพ่งสายตาเจิดจ้า เหลียวหน้ามา เห็นชายหนุ่มร่างเล็ก สัดทัด ไม่พกพาอาวุธ ผู้หนึ่ง ต้องมีสีหน้าสงสัยเล็กน้อย  แค่นเสียงดังเฮอะ ไม่ตอบคำ

ชายหนุ่ม รินสุราในถ้วยเบื้องหน้า ชายฉกรรจ์ชุดขาว ค่อยรินสุรา ลงในถ้วยอีกใบหนึ่ง ชูถ้วยสุรากล่าวคำ "เชิญ" แล้วจึงดื่มสุราลงไป รสสุราช่างร้อนแรงคล้ายมีดบาดคอ  จากนั้นท้องน้อยร้อนวูบวาบ ต้องร้องชมเชยว่า


"สุราที่ดี"

ที่นอกเก๋งพักร้อน ปรากฏชายฉกรรจ์ผู้หนึ่ง ตวาดว่า 


"เด็กน้อย รีบออกมา พวกเราจะเสี่ยงชีวิต กับหนุ่มโสโครกแล้ว อย่าได้อยู่ที่นี้ ขัดมือ ขวางเท้า  "


ชายหนุ่มยิ้มพลางกล่าวว่า

"เราดื่มสุรากับ ท่านพี่นี้ ขัดขวางท่านอันใด ?"

พลางรินสุราอีกถ้วยหนึ่ง ยืดคอดื่มสุราลงไป  กล่าวชมว่า เป็นสุราที่ดี อีกคำ


ยามนั้น ด้านซ้ายมือ บังเกิดสุ้มเสียง เย็นชาชนิดหนึ่ง ดังว่า 

อ่านต่อ

วันศุกร์ที่ 15 สิงหาคม พ.ศ. 2557

มือลอบสังหาร_2

แผ่นดินอันกว้างใหญ่ไพศาล ข้าควร จะไปที่ใด  เด็กหนุ่มนี้รำพึง หลังจากเผชิญวิบากกรรม ครอบครัวถูกล้มล้างทั้งตระกูล ดีที่หนีเอาชีวิตรอดมาได้ หวนคำนึงถึงวัยเด็ก 15-16 ปี ถ้าไม่เที่ยวเล่นต่างเมือง ชิวิตคงจะถูกปลิดปลง ในชีวิตนี้สัญญากับตนเองว่า ไม่ว่าเป็นหรือตาย ไม่ว่าจะเป็นเพื่อเรื่องส่วนตัว หรือเรื่องส่วนตัวรวม จะต้องกำจัด ทำลายล้างศัตรูผู้นี้  ขี่ม้าเดินทางพร้อมคำนึงอย่างเลื่อนลอย วันนี้เดินทางมาไกลถึงทางเหนือชายแดน รัฐเอี้ยนเดิม ดินแดนตงอี๋ เหนือดินแดนเกาหลี ทันใดนั้น ได้ยินเสียงดาบกระบี่กระทบกัน อยู่ด้านหน้า จึงรีบหลบม้าเอาไว้ข้างทาง หลังจากนั้นเร่งรุดไปตามเสียง ที่ได้ยิน สิ่งที่ปรากฏข้างหน้า คือ ชายคาที่พักริมทาง คนผู้หนึ่ง นั่งดื่มสุราอย่างเดียวดาย บนโต๊ะ ตั้งเอาไว้ด้วยเต้าสุรา และ กระบี่พร้อมฝัก  ปรากฏทหารราบลาดตระเวณของทางการ หนึ่งกองร้อย ล้อมที่เพิงพักเอาไว้ แต่ไม่กล้าเข้าใกล้

ชายหนุ่มเห็น คนผู้นี้ ตกอยู่ท่ามกลางวงล้อมศัตรู ยังคงดื่มสุราอย่างปลอดโปร่ง  ในใจเกิดความเคารพเลื่อมใส  รู้สึกในชีวิตน้อยครั้งจะพบพานผู้ห้าวหาญเช่นนี้ ดังนั้นเดินไป เกร็งกำลังลมปราณ ลงเข้าเท้าซ้ายขวาเบียดเสียดแทรกเข้าไปในกลุ่มคน ผ่านเข้าไปอย่างรวดเร็ว ชายหนุ่มผู้นี้เพ่งตามอง เห็นเป็นชายฉกรรจ ร่างกาย สูงใหญ่ บึกบึ้นเคราครึ้ม อายุราว สามสิบปี มือถือจอกสุรา มองดูขอบฟ้าสีคราม พื้นดินเหลืองที่ไกลตา กลับไม่เหลือบแลผู้คนที่รายล้อม แม้สักแวบเดียว บนหลังสะพายห่อผ้าใบหนึ่ง 

ไม่ทราบว่า ชายฉกรรจผู้นี้มีความเป็นมาอย่างไร เพียงแต่เหล่าทหารรายล้อมเขาไว้ จึงเลื่อมใสในความห้าวหาญของเขา บังเกิดความรู้สึกเห็นอกเห็นใจ ผู้ประสบชะตากรรมเดียวกัน ดังนั้นก้าวยาวๆเข้าไปกล่าวเสียงกังวานว่า 


อ่านต่อ  


Wikipedia

ผลการค้นหา