About

วันอาทิตย์ที่ 14 กันยายน พ.ศ. 2557

กักตน ฝึกปรือ_7

นั่งขัดสมาธิหลับตา มือซ้ายลูบอก มือขวาวางอยู่ข้างหลัง กำหนดลมหายใจ รวบรวมอารมณ์ ทั้งหลายให้สงบนิ่ง แม้อสุนีบาตฟาดทะลาย ธรณีถล่ม ก็มิอาจ รบกวนส่วนประสาทส่วนศีรษะได้เลย เดินลมปราณกำลังภายในที่ได้เคล็ดลับจากคัมภีร์เต๋าเต็กเก็ง  ค่อยๆรวบรวมธาตุอิมและเอี๋ยงในกาย หล่อหลอมกลมกลืน กำลังภายในกลับเพิ่มพูนทวีคูณ แขนขาทุกสัดส่วนปรอดโปร่งสบายอย่างบอกไม่ถูก  พละกำลังทั่วร่าง สมบูรณ์เปี่ยมล้น สมองปราดเปรียวกว่าเดิม เคล็ดลับการเดินลมปราณนี้ กลับเป็นแนวทางเดียวกับลมปราณวิสุทธิมรรค แต่ลึกล้ำอีกขั้นหนึ่ง

ยามนี้สิ้นสุดการเดินลมปราณ เดินออกมานอกกระท่อมที่พัก คืนนี้พระจันทร์เต็มดวง แสงจันทร์ช่างงดงามนัก กระโดดปราดขึ้น ตัวกลับลอยสูงขึ้นถึงยอดไผ่ มือขวาพลิกวูบ กลับ เด็ดก้านกิ่งไผ่ออกมา เกร็งลมปราณ ร่างกลับค่อยๆลอยลงสู่พื้น เท้าแตะพื้น แผ่พุ่งกำลังภายในในมือผ่านเข้าสู่กิ่งไผ่อันเรียวเล็ก กิ่งไผ่กลับ เหยียดตรงดุจดังกระบี่  จางเหลียงกลับร่ายรำวิชากระบี่ด้วยกิ่งไผ่ออกมา  เมื่อสิ้นสุดการฝึกลมปราณฝึกกระบี่ กลับเข้าห้อง ศึกษา วิชาพิชัยยุทธ์ จากตำราวิเศษ ไท่กงปิงฝ่า  การกักตน ฝึกปรือตนเองทุกวันนี้ ผ่านมาแล้ว ครึ่งปี  ข่าวคราวของทางการ กลับขาดหายไป

เพื่อที่จะสืบข่าวองค์ฮ่องเต้  จางเหลียง จำต้องออกเดินทางออกจากที่พักหลบภัย เพื่อสืบข่าวต่อไป

สถานที่ที่เราควรจะไป น่าจะเป็นเมืองไหวอิง ทั้งได้สืบข่าวทางการ และค้นหา คัมภีร์เต๋าเต็กเก็งฉบับสมบูรณ์


จางเหลียงครุ่นคิดในใจ


ครุ่นคิดส่วนครุ่นคิด ม้ากลับพาเข้าเขตเมืองไหวอิงแล้ว 

เบื้องหน้ากลับเป็นแม่น้ำลำธารสายหนึ่ง ม้าเหยาะย่างตามทางเดิน

สัญจรข้างริมน้ำ นำ้ใสไหลผ่านโขดหิน  เสียงดังซ่าๆ เสียงนกน้อย

ร้องอยู่ในต้นไม้ข้างลำธาร ในขณะที่เพลิดเพลินกับธรรมชาติอยู่

ทันใดนั้น ฝูงนกภายในป่า กลับแตกตื่น บินหนีขึ้นไปบนท้องฟ้า 


พริบตารอบตัวจางเหลียงกลับถูกรายล้อมด้วยผู้คน เจ็ดแปดคน


และ ที่ ห่างไกลออกไปได้ยินเสียงตวาด ด่าทอ และ เสียงดาบกระบี่

กระทบกัน


จางเหลียงวันนี้ ไม่ใช่จางเหลียงที่เลือดร้อนดุจกาลก่อน มองดูผู้คนที่

รายล้อม เจ็ดแปดคน ก็ทราบว่า เป็นโจรป่า คิดปล้นชิงคนเดิน ทาง


ทุกคนมีอาวุธติดกาย กลับไม่มีผู้ใดเป็นยอดฝีมือ จางเหลียงกลับยืน

ม้าสงบนิ่ง  โจรป่าทั้งเจ็ดแปดคนกลับชักอาวุธออก ฮือเข้าหา

จางเหลียง  จางเหลียงใช้เท้าทั้งสองกระตุ้นม้า ม้ากลับกระโดดใส่ 

สองโจรด้านหน้า สองมือสบัดกลับด้านหลัง เสียงอาวุธกระแทกกัน 

เกรียวกราวและเสียงผู้คนล้มลง สองโจรด้านหน้ากลับล้มหลบม้าเข้าสองข้างทาง

จางเหลียงเร่งม้า อย่างรวดเร็ว กลับทิ้งห่างหายจากกลุ่มโจรป่า 


แต่เสียงดาบกระบี่กระทบกันเบื้องหน้ากลับดังชัดเจนมากขึ้น หยุดม้า 

แล้วจูงม้าเข้าข้างทาง  ลัดเลาะครู่หนึ่งกลับเป็นลานหญ้า ริมน้ำ

 จึงผูกม้า ให้สามารถเลาะเล็มหญ้า และดื่มน้ำได้ เหลือบมองริมน้ำ

กลับพบไม้รวก ยาวครึึ่งวา จึงหยิบติดมือมา สะพายห่อผ้า แล้วเดิน

ลัดเลาะไปยังต้นเสียง สักครู่ใหญ่กลับพบเห็น


กลุ่มโจรป่าอาวุธครบมือสิบกว่าคน รายล้อม ชายหนุ่มสองคน 

สพายกระบี่ ยืนอยู่ 

กึ่งกลางวง  อีกคนผู้หนึ่งนอนหงาย อยู่ข้างชายทั้งสอง ไม่ทราบว่า

เป็น

หรือตาย กระบี่เล่มหนึ่งหล่นอยู่ข้างกาย


เกร็งลมปราณลงเท้าซ้ายขวา กระโดด ตัวลอยขึ้นซ่อนตัวอยู่บน

ต้นสน กวาดตามองเข้าไปยัง สนามต่อสู้ สามารถมองเห็นสภาพ

การณ์ อย่างชัดเจน


หัวหน้าโจรกลับตัวสูงใหญ่ แข็งแรง ดูสง่าผ่าเผย ดุจดังนายทหาร บน

ใบหน้า กลับมีรอยสัก เห็นอย่างชัดเจน จางเหลียงสำรวจดู นายโจร

ป่าผู้นี้ กลับมาวิทยายุทธ ลึกลำ้ ไม่ทราบเหตุใด ถึงมาเป็น โจรป่า

ที่ยืนอยู่ข้างกายนายโจรป่ากลับมียอดฝีมือ อีกสี่คน


นายโจรนั้น กลับยกสองมือขึ้นพร้อมโบกมือไปด้านหน้า


ยอดฝีมือทั้งสี่คนชักกระบี่ โถมเข้าหา ชายหนุ่มทั้งสอง



อ่านต่อ ประกาศิตสำนักเม่อ 


0 ความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

Wikipedia

ผลการค้นหา